
Sekiro Shadows Die Twice ตอนนี้กระแสมาแรงเหลือเกิน เรียกว่าทั้งในกลุ่ม Community ของ PC และ PS4 มีแต่ Sekiro เต็มหน้าฟีดไปหมด แถมหลายๆคนยังบอกว่า มันยากมาก-ยากโคตรๆ อาจจะหัวร้อนมากถึงขั้นปาจอย ทุบเมาส์ ทิ้งกันเลยทีเดียว เกริ่นมาขนาดนี้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อเกมนี้มาเล่น เรามาดู 5 ข้อที่ต้องรู้ก่อนจะเริ่มเล่น Sekiro กันว่าจะมีอะไรบ้าง
1. เนื้อเรื่องเล่าผ่านตัวละครหลัก (ไม่มีการสร้างตัวละคร)

เรื่องนี้น่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ที่หยิบมาพูดถึงก็เพราะว่าหลายๆคนอาจจะคิดว่ามันจะทำให้ตัวเกมขาดความหลากหลายในการดำเนินเรื่องไป หากจะยกตัวอย่างเหมือนใน Dark Souls, Bloodborne ที่ผู้เล่นสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้ และจะมีฉากจบหลากหลายแบบ แน่นอนว่าใน Sekiro เอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีอิสระในด้าน “Character” แต่ตัวเกมก็ยังมีอิสระในด้านการดำเนินเรื่องอยู่

เราจะได้เห็นระบบเดิมๆของเกมเก่าๆในค่าย From Software อยู่ใน Sekiro อย่างครบถ้วน รวมไปถึงระบบ Quest ที่ยังคงยึดรูปแบบเดิม นั่นคือผู้เล่นจะต้องอ่านและตีความหมายของ NPC เอาเอง ถึงจะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จได้ ระบบการพูดคุยกับ NPC และการตอบคำถามก็ยังมีอยู่ ใครที่เคยเล่นเกมเก่าๆในค่าย From Software มาก่อนก็คงจะคุ้นเคยดี
สรุปแล้วสิ่งที่ Sekiro แตกต่างจากเกมก่อนๆ ก็มีเพียงแค่ตัวเกมตัดระบบการสร้างตัวละครออกไปเฉยๆ แต่การดำเนินเรื่องทุกๆอย่างยังขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง
2. ไม่มีระบบ Stamina แต่ก็ไม่เชิงว่าตัดทิ้งไปซะทีเดียว

ความยากอย่างหนึ่งของเกมตระกูล Soulsborne ทั้งหลาย ก็คือการจัดการ Stamina โดยมันมีหน้าที่กำหนดว่าตัวละครจะสามารถออกแอ็คชั่นได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการฟัน, กลิ้ง, วิ่ง, หลบ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ Stamina ทั้งหมด หากบริหารจัดการไม่ดี เกิด Stamina หมดขณะที่ศัตรูกำลังโจมตีเข้ามา ก็นอนคุยกับรากถั่วงอกกลับจุดเซฟได้เลย
สำหรับ Sekiro ตัวเกมได้ตัดระบบ Stamina ออกไป หมายความว่าผู้เล่นสามารถออกแอ็คชั่นมากแค่ไหนก็ได้โดยที่ตัวละครไม่มีวันเหนื่อย!! แบบนี้ก็จะถูกใจสายบู๊ล้างผลาญหน่ะซิ ไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะโจมตี จะหลบ จะกระโดด จะวิ่งเยอะแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรมาหยุดคุณได้!!

แต่อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น เพราะมันเป็นเกมจาก From Software มันจะต้องมีอะไรสักอย่างมากำหนดคุณไม่ให้บู๊แบบไม่คิดชีวิต ราวกับเปิด Easy Mode แน่นอน เพราะตัวเกมได้เพิ่ม “Posture Bar” หรือ “ค่าความแข็งแรง” เข้ามาแทน โดยมันจะเป็นตัวกำหนดว่าตัวละครของผู้เล่นจะมีพลังในการป้องกันมากน้อยแค่ไหนระหว่างต่อสู้ และค่าความแข็งแกร่งจะทำงานแค่ตอนสู้เท่านั้น

ไม่ใช่แค่เราที่มี Posture Bar แต่รวมไปถึงศัตรูทุกตัวและบอสเองก็มีค่าความแข็งแกร่งเช่นกัน อย่างที่กล่าวไปแล้วว่ามันเป็นตัวกำหนดค่าพลังในการป้องกัน หากผู้เล่นทำการโจมตีใส่ศัตรูจนค่าความแข็งแกร่งเต็มหลอด ศัตรูตัวนั้นก็จะหมดแรง และเราสามารถเข้าไปใช้ท่า “นินจาสังหาร” หรือท่า Finish ใส่ศัตรูให้ตายในดาบเดียวได้เลย!!
3. เกมเพลย์ที่เปลี่ยนไป
Sekiro มีเกมเพลย์ที่เปลี่ยนไปจากเกมก่อนๆและต้องมานั่งเรียนรู้วิธีการเล่นกันใหม่ นั่นหมายความว่า เทคนิคเดิมๆจาก Soulsborne ทั้งหลาย จะใช้ในเกมนี้แทบจะไม่ได้เลย เลิกนึกถึงสเตปการวิ่ง “หมุนขวา” หรือ “กลิ้งรัวๆ” ใส่บอสได้เลย เพราะใน Sekiro นั้นความเป็นความตายของผู้เล่น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้สกิลเทคนิคนินจาล้วนๆ

อย่างแรกที่เปลี่ยนไป ก็คือท่าแอ็คชั่นในเกมนี้เร็วขึ้นกว่าเกมก่อนๆ เนื่องจากมีระบบ Posture Bar มาแทนที่ มองเผินๆก็ดูเหมือนว่าระบบนี้จะมาถ่วงให้ท่าแอ็คชั่นช้าลงแต่คิดผิดถนัด ระบบนี้แหละที่ทำให้ท่าแอ็คชั่นเร็วกว่าที่คิดซะอีก และต้องอาศัยฝีมือในการบังคับตัวละครของผู้เล่นแบบเน้นๆ

ใน Sekiro ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีรูปแบบไหนก็ตาม ผู้เล่นจะไม่มีทางได้รับดาเมจเลย หากกดปุ่ม Block ตั้งการ์ดไว้ตลอดตราบเท่าที่ค่าความแข็งแกร่งของเรายังไม่เต็มหลอด แต่การตั้งการ์ดก็ทำให้เราเคลื่อนที่ช้าลง นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะง่ายขึ้นเพราะมันจะส่งผลถึงการ Counter Attack อย่างมาก
ยกตัวอย่างเช่น การ Counter Attack หรือจะเรียกว่าการ Parry ของเกมนี้จะมีความรวดเร็วมากกว่าเดิม โดยปุ่มที่กด Parry ก็คือปุ่มเดียวกับปุ่ม Block นั่นแหละ ซึ่งต้องกดให้ตรงจังหวะกับการโจมตีของศัตรูก็เท่ากับ Parry สำเร็จ

แต่การ Parry สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าผู้เล่นจะสามารถโจมตีสวนกลับได้ แต่การที่เรา Parry สำเร็จ มันจะเป็นการเพิ่มเกจ Posture Bar ให้กับศัตรู และหากศัตรูตัวนั้นโจมตีเข้ามาเป็น Combo รัวๆ 3-4 ดาบล่ะก็ ตัวผู้เล่นเองก็ต้องกดปุ่ม Parry ให้ตรงจังหวะทุกๆดาบด้วยเช่นกัน เลิกคิดถึงการ Parry แบบเก่าๆซะเพราะมันคนละเรื่องกันเลยหล่ะ

อย่าเพิ่งคิดว่ามันง่าย เพราะเราไม่สามารถกด Parry ได้ตลอด เกจ Posture Bar ของเราเต็มเมื่อไหร่นั่นเท่ากับเราจะไม่มีแรงในการรับดาบศัตรูในครั้งต่อไป ฝืนบล็อคไปก็การ์ดแตกแถมจะตายเอาง่ายๆด้วย ดังนั้นผู้เล่นไม่ควร Block ค้างไว้ เพื่อให้ Posture Bar ของเราค่อยๆลดลงตอนสู้และทำให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น ผู้เล่นจะต้องคอยอ่านการเคลื่อนไหว, ออกท่าทางของศัตรู เพื่อยกดาบขึ้นมา Parry ให้ตรงจังหวะ เท่านี้ชีวิตของคุณใน Sekiro ก็จะง่าย และสนุกขึ้นเยอะ (ต้องอาศัยความเคยชินกันนิดนึง)
4. ไม่มีการปรับแต่งตัวละคร แต่มีระบบ Skill มาแทน
ใน Sekiro นั้นผู้เล่นจะไม่สามารถปรับแต่งตัวละคร รวมไปถึงพวกชุดเกราะ อาวุธ หรือระบบสเตตัสแบบเกมอื่นๆ แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าเราจะได้เห็นชุดคอสตูมของตัวเอก ที่จะมาในรูปแบบ DLC หรือไอเท็มในเกมหรือไม่ ที่แน่ๆคือมันไม่มีสเตตัสตัวละคร

วิชานินจาขั้นสูง !!
โดยตัวเกมได้เพิ่มระบบ Skill เข้ามาแทน อธิบายง่ายๆเลย มันก็จะคล้ายๆกับระบบ Skill ของเกม Hack n’ Slash อย่างพวก Bayonetta, Devil May Cry ระบบสกิลที่ว่าจะมาในรูปแบบ “คัมภีร์” ที่จะมีวิชาคาถานินจามาให้เราเลือกอัพเกรด และยังมีวิชาดาบจากสำนักอื่นๆที่อยู่ในเกมมาให้เราเลือกเรียนด้วย

การกำจัดศัตรูทำให้เราได้มาซึ่ง Skill Point ไว้ใช้ในการอัพเกรด ผ่านรูปแบบการสะสมแต้มประสบการณ์ให้เต็มหลอดจะได้ 1 Skill Point ถ้าเกิดตาย!! แต้มประสบการณ์พวกนี้ก็จะหายไปทันที ไม่มีทางได้คืน ย้ำว่าหายไปเลย!!! นอกจากค่าประสบการณ์หายไปเลย เงินที่ใช้ซื้อไอเทมก็จะหายไปจำนวนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรด “แขนกลนินจา” ที่จะแบ่งแยกสายออกไปอีก และสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบกับศัตรูในชนิดต่างๆอีกด้วย งานนี้ใครที่ห่วงว่าตัวเกมจะไม่มีความหลากหลาย ก็สบายใจได้เลยเพราะสกิลพวกนี้มันจะสร้างแนวทางที่แตกต่างกันไปตามผู้เล่นแต่ละคนแน่นอน
5. เกมนี้ โคตรยาก!!!

ใน Sekiro ได้ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆของเกมแนว Soulsborne และครั้งนี้คุณสวมบทเป็นนินจา เพราะฉะนั้นการเคลื่อนไหวทุกอย่างมันจะเร็วมาก และการบังคับของผู้เล่นทุกๆการออกแอ็คชั่น 1 ท่า ผู้เล่นจะต้องกดทีละปุ่มเท่านั้น

ลองนึกภาพว่าเราวิ่งเข้าใส่ศัตรู กระโดดไปด้านหลัง เสียบดาบทะลุอก ปาดาวกระจายใส่ศัตรูตัวหน้า และพุ่งเข้าหาเพื่อทำการโจมตี และต้องคอยรอรับการโจมตีจากศัตรูในทิศทางอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้เล่นต้องกดทีละปุ่มเท่านั้น ยังไม่นับการป้องกันที่ต้องกดให้ตรงจังหวะ หรือการหลบหลีกอีก งานนี้อาจจะได้มีจอยเกมพังกันไปข้าง

แล้วสรุปมือใหม่ “ซื้อมาจะเล่นได้มั้ยเนี่ย”
คำตอบคือ “เล่นได้” ถึงแม้ว่ามันจะยากสักแค่ไหน แต่ Sekiro ก็ยังคงยึดรูปแบบการเล่นเดิมๆของ Soulsborne เอาไว้ ผู้เล่นต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับแนวทางของเกม เท่านี้ก็สามารถสนุกไปกับ Sekiro ได้แล้ว
โดยรวมแล้ว Sekiro เป็นเกมที่ทั้งยาก, ท้าทาย, น่าหัวร้อน, น่าหงุดหงิด, น่าโมโห, น่าขว้างจอย และมันก็น่าจะเป็นเกมที่ควรค่ากับรางวัล Game of the Year 2019
ที่มา Beartai